บลัช pH-based หรือบลัชที่เปลี่ยนสีตามค่า pH และอุณหภูมิผิว กำลังกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในวงการบิวตี้
โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบลุคธรรมชาติ และต้องการสีแก้มที่ดูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สอดรับกับความต้องการของ เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางค์ รุ่นใหม่ ที่มองหานวัตกรรมเพื่อสร้างจุดต่างในตลาดและพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจในผลลัพธ์แบบ personalized beauty ทำให้โรงงานผลิตเครื่องสำอางค์หลายแห่ง เร่งวิจัยและพัฒนาสูตรบลัชประเภทนี้ เพื่อรองรับแนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่อง
บลัช pH-based คืออะไร?
บลัช pH-based ทำงานคล้ายกับกระดาษลิตมัส คือมีส่วนผสมที่ทำปฏิกิริยากับค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) และอุณหภูมิของผิวแต่ละบุคคล ทำให้เกิดการเปลี่ยนสีเมื่อสัมผัสกับผิว
โดยปกติแล้ว สีที่ออกมามักจะเป็นโทนชมพู แต่อาจมีความเข้มอ่อนหรือเฉดที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับค่า pH ธรรมชาติ สีผิวเดิม และอุณหภูมิของแต่ละคน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีทั้งในรูปแบบเนื้อครีม เนื้อบาล์ม หรือออยล์ ซึ่งมักจะเริ่มต้นด้วยสีใส สีขาว หรือแม้กระทั่งสีดำ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อบนแก้ม
บลัช pH-based มีแนวโน้มที่จะเหมาะกับทุกสีผิวค่อนข้างมาก เนื่องจาก
- สีที่เป็นธรรมชาติ ด้วยการที่สีจะปรับเข้ากับค่า pH ของผิวแต่ละคน ทำให้ได้สีแก้มที่ดูเป็นธรรมชาติราวกับสีเลือดฝาด ไม่ใช่สีที่ถูกแต่งเติมจนเกินจริง
- ความเป็นเอกลักษณ์ แต่ละคนจะได้สีแก้มที่ไม่เหมือนใคร เพราะค่า pH ของผิวแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทำให้บลัชนี้เป็น "บลัชเฉพาะตัว" ของคุณ
- ความสะดวกในการเลือกสี ไม่ต้องกังวลว่าจะเลือกสีบลัชออนผิดเฉด เพราะบลัช pH-based จะปรับสีให้เข้ากับคุณโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม แม้จะอ้างว่าเหมาะกับทุกสีผิว แต่สีที่ได้ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับโทนสีชมพูเป็นหลัก ซึ่งอาจไม่ใช่สีที่ทุกคนชื่นชอบหรือเข้ากับทุกสไตล์การแต่งหน้าเสมอไป
- ให้สีธรรมชาติ ได้สีแก้มที่ดูสุขภาพดี เหมือนมีเลือดฝาด
- เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สีที่ได้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- ใช้งานง่าย ไม่ต้องคิดมากเรื่องการเลือกเฉดสี แค่ทาลงไปก็จะได้สีที่เข้ากับผิว
- ติดทนนาน หลายยี่ห้อมีคุณสมบัติที่ติดทนนาน
- เนื้อสัมผัสบางเบา มักจะเป็นเนื้อที่เกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะ
เหมาะสำหรับลุค "หน้าสด"ทำให้ดูเหมือนไม่ได้แต่งหน้ามาก แต่แก้มมีสีระเรื่อ
ข้อสังเกต/ข้อควรพิจารณาของบลัช pH-based
- ส่วนใหญ่จะให้สีโทนชมพูเป็นหลัก ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการสีสันที่หลากหลาย เช่น ส้ม พีช หรือน้ำตาล
- บางครั้งสีที่ได้อาจจะเข้มเกินไปหากทาในปริมาณมาก หรือถ้าค่า pH ของผิวสูง (เป็นกรดมาก)
- อาจรู้สึกเหนอะหนะ บางสูตรที่มีเนื้อบาล์มหรือออยล์ อาจให้ความรู้สึกเหนอะหนะเล็กน้อย โดยเฉพาะสำหรับคนผิวมัน
- ในบางยี่ห้อ อาจมีปัญหาเรื่องแพ็คเกจที่ใช้งานยาก เช่น ฝาเปิดยาก (จากรีวิวบางส่วน)
บลัช pH-based ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย มีหลายแบรนด์ที่ออกผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มาแข่งขันกัน เช่น
- LA GLACE Black pH Blush
เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้ชาวไทย ให้สีชมพูละมุน ดูเป็นธรรมชาติ และติดทน
- Gentle Colors pH Blush
บลัชเนื้อครีมที่เปลี่ยนสีตามค่า pH ให้ฟินิชฉ่ำโกลว์
- Beautilab VampBlood Rouge Jelly Blush:
บลัชที่ให้ฟีลแก้มอมชมพูเลือดฝาด สุขภาพดี
- beWiLD Crystal Blush
บลัชใสที่เปลี่ยนสีตามค่า pH ให้สีติดทนและกันน้ำ
- Pixi On-The-Glow Blush pH Tinted Moisture Stick
บลัชเนื้อบาล์มที่ปรับเฉดสีตามค่า pH
ทางรอดของคนที่ ไม่อยากคิดเยอะ แต่ อยากได้ลุคธรรมชาติ ปังไม่โป๊ะ
คนผิวคล้ำ = ไม่ต้องกลัวสีจาง
คนผิวขาว = ไม่ต้องกลัวสีเข้ม
โทนเหลือง โทนชมพู โทนเขียว = เอาอยู่หมด เพราะมัน “เกิดขึ้นจากผิวเราเอง”
บลัช pH-based ถือเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจและตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลุคธรรมชาติและสีแก้มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้จะไม่ได้เป็น "ทางรอด" ของทุกสีผิวในแง่ของความหลากหลายของเฉดสี (เพราะส่วนใหญ่จะออกโทนชมพู)
แต่ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการความง่ายในการเลือกใช้ และผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและสุขภาพดี ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้บลัชประเภทนี้ครองใจใครหลายคนได้ในปัจจุบัน