ในโลกการตลาดปัจจุบันที่ภาพลักษณ์คือสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ทุกรายละเอียดในงานออกแบบมีผลต่อการรับรู้ของผู้บริโภค และหลายแบรนด์อาจยังไม่ทราบว่า ความ "เป็นระเบียบ" ของงานกราฟิกมีอิทธิพลต่อมุมมองของผู้บริโภคมากแค่ไหน นี่คือจุดที่ Grid Design เข้ามามีบทบาทสำคัญ
เพราะคนตัดสินจาก "ความรู้สึก" มากกว่าเหตุผล
งานที่จัดวางบน Grid Design ทำให้คน รู้สึก ว่าแบรนด์ได้มีการคิดมาอย่างดี ใส่ใจในรายละเอียด และน่าเชื่อถือ ทุกเส้น ทุกระยะในงานสื่อสารคือการบอกเล่าเรื่องราวว่า "เราไม่ใช่แบรนด์ราคาถูก เพราะแม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ เราก็ไม่ละเลย"
Grid คืออะไร?
Grid Design หรือ "กริด" คือ โครงร่างเส้นแนวตั้งและแนวนอน ที่ใช้ในการจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ในงานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือโลโก้ ให้มีความสมดุลและเป็นระเบียบ การใช้กริดช่วยให้งานดูมีโครงสร้างและ "บาลานซ์" ซึ่งเพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกว่า "งานนี้มีคลาส" ได้แล้ว
การนำ Grid Design มาใช้ในงานออกแบบส่งผลให้แบรนด์ของคุณดูมีราคาขึ้นได้จากหลายปัจจัย
- สื่อถึงความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)
เมื่อทุกองค์ประกอบในงานถูกจัดวางอย่างเป็นระบบระเบียบ มันจะส่งสัญญาณไปยังผู้บริโภคว่า "เราไม่ใช่แบรนด์ที่ทำอะไรมั่วซั่ว เรารู้ว่าเรากำลังสื่อสารอะไร" ลองเปรียบเทียบง่าย ๆ ระหว่างเมนูร้านอาหารที่จัดวางเป็นก้อน ๆ อ่านยาก กับเมนูที่จัดเป็นช่อง ๆ มีระยะเท่ากัน และจัดเรียงหัวข้ออย่างชัดเจน คุณจะกล้าจ่ายเงินให้ร้านไหนแพงกว่ากัน? แน่นอนว่าร้านที่ดูเป็นระเบียบย่อมสร้างความเชื่อมั่นได้มากกว่า
- ลดความรกรุงรัง = รสนิยมสูง (High Taste)
ของแพงในโลกนี้มักจะไม่ได้มีจำนวนมากหรือเยอะเกินไป แต่จะมีการ "เลือกวาง" อย่างพิถีพิถัน งานที่ใช้ Grid Design จะทำให้เกิดพื้นที่ว่าง (Whitespace) ที่เพียงพอ ทำให้งานดูขาว โล่ง และบาลานซ์ ไม่บีบคั้นสายตา ผู้อ่านสามารถอ่านได้ง่ายและสบายใจ หลักจิตวิทยาคือ: Whitespace + Structure = Premium Perception (พื้นที่ว่าง + โครงสร้าง = การรับรู้ถึงความพรีเมียม)
- ความสม่ำเสมอคืออาวุธลับ (Consistency)
แบรนด์ที่ใช้ Grid Design จะมีงานสื่อสารที่ มีความสม่ำเสมอสูงมาก ไม่ว่าคุณจะดูแผ่นพับ เว็บไซต์ หรือบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ คุณจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เหมือนกัน ซึ่ง ความสม่ำเสมอ (Consistency) เป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ทำให้แบรนด์ดู มีมาตรฐานและน่าเชื่อถือ
- ความง่ายที่ดูแพง (Effortless Sophistication)
Grid ไม่ได้แค่สวยงาม แต่ยัง "นำทางสายตา" ของผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้พวกเขาสามารถโฟกัสในสิ่งสำคัญได้โดยไม่ต้องเดาหรือเพ่งพิจารณา งานที่เข้าใจง่ายคือประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) ที่ดี และ UX ที่ดีคือแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ซึ่ง ความน่าเชื่อถือ = คนยอมจ่ายแพงขึ้น
หากงานออกแบบขาด Grid Design ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ
- โลโก้ลอย กราฟิกเบี้ยว ตัวหนังสือไม่บาลานซ์ = งานดูมือสมัครเล่น
- คนสับสนว่าต้องการให้โฟกัสตรงไหน
- ภาพลักษณ์โดยรวม = ถูก-รก-ไม่มั่นใจ
- ใช้ Grid เสมอ ในทุกงานออกแบบ
- เว้นช่องไฟ (Spacing) และ Margin ให้พอดี
- รักษาความสม่ำเสมอ ของขนาดและตำแหน่งองค์ประกอบ
- กล้าใช้ White Space หรือพื้นที่ว่าง
- ทดสอบกับสายตาคนอื่น ว่าอ่านง่ายหรือไม่
ใครว่าความแพงต้องมาจากงบประมาณที่เยอะ? จริง ๆ แล้วมันเริ่มต้นจาก "ระเบียบ" ของงานออกแบบของคุณเองนั่นแหละ