คำศัพท์ที่ต้องรู้เมื่อเริ่มสั่งผลิต OEM

การเริ่มต้นสร้างแบรนด์ของตัวเองด้วย OEM อาจดูซับซ้อน แต่ถ้าคุณเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานตั้งแต่แรก ทุกอย่างจะง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักคำศัพท์ที่ขาดไม่ได้เมื่อคุณกำลังจะเริ่มสั่งผลิตสินค้าแบบ OEM

หากคุณกำลังสนใจที่จะสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม หรือสินค้าอื่นๆ แนวทางหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากคือการสั่งผลิตแบบ OEM (Original Equipment Manufacturer) ซึ่งช่วยให้คุณสามารถสร้างแบรนด์โดยไม่ต้องมีโรงงานของตัวเอง แต่หลายคนที่เพิ่งเข้าสู่วงการนี้มักรู้สึกงงกับคำศัพท์เฉพาะที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย บางครั้งคุยกับโรงงานแล้วรู้สึกเหมือนไม่เข้าใจครึ่งหนึ่งของประโยค วันนี้เราจะมาช่วยไขคำศัพท์สำคัญที่คุณควรรู้ให้กระจ่าง เพื่อให้คุณสามารถคุยกับผู้ผลิตได้อย่างมั่นใจ และเข้าใจขั้นตอนต่างๆ อย่างมืออาชีพ

หัวข้อย่อยOEM คืออะไร และต่างจาก ODM ยังไง?

ก่อนจะลงลึกไปถึงคำศัพท์อื่น เราต้องเข้าใจคำว่า OEM กันก่อน OEM คือการที่โรงงานผลิตสินค้าให้ตามสูตรและบรรจุภัณฑ์ที่แบรนด์ต้องการ เช่น การออกแบบสูตรสกินแคร์ให้เหมาะกับตลาดและบรรจุใน กระปุกครีม ที่มีเอกลักษณ์ ส่วน ODM (Original Design Manufacturer) คือการที่โรงงานมีสูตรอยู่แล้วและลูกค้าเลือกมาใช้ได้ทันทีพร้อมทำแบรนด์ของตัวเอง ความต่างอยู่ที่ OEM ต้องมีการดีไซน์สูตรและรายละเอียดเพิ่มเติมมากกว่า จึงมีความยืดหยุ่นและเฉพาะตัวสูง เช่น การเลือกขนาดและรูปทรงของ กระปุกครีม ที่จะใช้บรรจุสินค้า แต่ก็ใช้เวลาและงบประมาณมากกว่าเช่นกัน

การเลือกใช้บริการ OEM ช่วยให้คุณสามารถควบคุมคุณภาพและดีไซน์ของสินค้าได้อย่างละเอียด ตั้งแต่การเลือกส่วนผสมจนถึงรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ เช่น การออกแบบ กระปุกครีม ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณได้อย่างชัดเจน และยังสามารถสร้างความแตกต่างในตลาดได้มากขึ้น

คำศัพท์ที่ต้องเจอแน่นอนเมื่อสั่งผลิต OEM

เมื่อเริ่มติดต่อกับโรงงานคุณจะได้ยินคำเหล่านี้บ่อยๆ:

  • MOQ หรือ Minimum Order Quantity : จำนวนขั้นต่ำที่โรงงานกำหนดในการผลิตต่อหนึ่งรอบ หากคุณเพิ่งเริ่ม อาจต้องมองหาโรงงานที่รับ MOQ ต่ำ เช่น 500 หรือ 1,000 ชิ้น
  • Lead Time: ระยะเวลาที่ใช้ในการผลิตตั้งแต่สั่งจนส่งมอบ มักอยู่ที่ 30-60 วัน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของสูตรและบรรจุภัณฑ์
  • OEM Brief หรือ Product Brief: เอกสารหรือข้อมูลเบื้องต้นที่คุณต้องเตรียมให้โรงงาน เช่น กลุ่มเป้าหมาย แนวคิดสินค้า ความต้องการด้านเนื้อสัมผัส กลิ่น สี เป็นต้น
  • R\&D (Research & Development): ทีมวิจัยและพัฒนาที่จะช่วยคุณคิดค้นสูตรเฉพาะตัว ซึ่งมักมีค่าบริการแยกต่างหากจากการผลิต
  • Packaging: การเลือกบรรจุภัณฑ์ก็สำคัญไม่แพ้สูตรสินค้า โรงงานบางแห่งมีตัวเลือกให้ บางแห่งคุณต้องหาบรรจุภัณฑ์มาเอง
  • Mockup / Sample: ตัวอย่างสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ที่ให้คุณตรวจสอบก่อนเริ่มผลิตจริง เป็นขั้นตอนสำคัญในการเช็กความพอใจ
เข้าใจขั้นตอนการผลิต ช่วยให้วางแผนธุรกิจได้แม่นยำ

นอกจากคำศัพท์ การเข้าใจขั้นตอนการทำงานระหว่างคุณกับโรงงานก็สำคัญ คุณจะต้องเตรียมข้อมูลสำหรับการพัฒนาสูตร ทดลองผลิตตัวอย่าง เจรจาเรื่องราคา และตรวจสอบเอกสารต่างๆ เช่น อย. หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ดังนั้น การมีพื้นฐานคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้คุณประสานงานกับโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้