ไม่ต้องจ้างดีไซเนอร์ก็รอด! 5 เทคนิคออกแบบฉลาก 'กระปุกครีม' ให้ลูกค้าอยากซื้อตั้งแต่แรกเห็น จากร้านขายกระปุกครีม

ออกแบบฉลากกระปุกครีมให้ปังได้เอง! จากร้านขายกระปุกครีม สรุป 5 เทคนิคสำคัญ ทั้งการกำหนดสไตล์, จัดวางข้อมูล, เลือกฟอนต์และสี, และการตรวจสอบก่อนพิมพ์ ช่วยให้แบรนด์คุณดูมืออาชีพแม้มีงบจำกัด

แวะมาทักทายคนทำแบรนด์ทุกคนนะคะ! เชื่อว่าหลายคนในที่นี้กำลังเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง แล้วเจอปัญหาใหญ่ที่ทำเอาไปต่อไม่ถูก นั่นก็คือ "จะออกแบบแพ็กเกจจิ้งยังไงดีนะ?" ยิ่งเป็นพวกเราที่เพิ่งเริ่มต้นด้วยแล้ว การจ้างดีไซเนอร์เก่ง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหมล่ะคะ

วันนี้เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงจากการทำงานกับลูกค้ามามากมาย รวมถึงจากที่เราเองก็เป็น ร้านขายกระปุกครีม ด้วยค่ะ จะมาบอกว่าจริง ๆ แล้วเราสามารถสร้างสรรค์ฉลากกระปุกครีมให้ดูดีมีระดับได้เอง โดยไม่ต้องง้อดีไซเนอร์เลย! แค่มีหลักการง่าย ๆ 5 ข้อนี้ รับรองว่าลูกค้าเห็นแล้วต้องอยากหยิบไปจ่ายเงินแน่นอนค่ะ

1. เริ่มจากกำหนดสไตล์แบรนด์ให้ชัดเจน

ก่อนจะเปิดโปรแกรมออกแบบอะไรก็ตาม ให้ลองถามตัวเองก่อนว่าแบรนด์ของเรามีบุคลิกแบบไหน? ถ้าเป็นแบรนด์สกินแคร์จากธรรมชาติ อาจจะเน้นโทนสีเขียว, น้ำตาล, หรือสีเอิร์ธโทน ถ้าเป็นแบรนด์ที่เน้นความทันสมัย อาจจะใช้ฟอนต์ตัวบางและสีขาว-ดำ ซึ่งการมีทิศทางที่ชัดเจนตั้งแต่แรกจะช่วยให้เราเลือกองค์ประกอบอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้นค่ะ นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงขนาดและวัสดุของบรรจุภัณฑ์ด้วย เพราะการออกแบบฉลากบน กระปุกครีม แต่ละแบบก็แตกต่างกันไป อย่างเช่น ฉลากบนกระปุกแก้วกับกระปุกพลาสติกก็ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันเลยค่ะ

 

2. จัดวางข้อมูลบนฉลากให้เป็นระเบียบ

ลูกค้าส่วนใหญ่จะใช้เวลาตัดสินใจซื้อสินค้าไม่กี่วินาทีเท่านั้น ดังนั้น ฉลากของเราต้องสื่อสารได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจง่ายค่ะ ให้จัดลำดับความสำคัญของข้อมูลแบบนี้เลย

 

  • สิ่งที่สำคัญที่สุด : ชื่อแบรนด์และชื่อผลิตภัณฑ์ ควรเป็นตัวอักษรที่ใหญ่ที่สุดและมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด

 

  • สิ่งที่สำคัญรองลงมา : คุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์ เช่น "บำรุงผิวให้กระจ่างใส" หรือ "ลดเลือนริ้วรอย"

 

  • ข้อมูลจำเป็น : ปริมาณสุทธิ, วิธีใช้, ส่วนผสม, เลขที่ใบรับแจ้ง และวันหมดอายุ

 

ลองนึกภาพว่าเราเดินเข้าไปในร้านแล้วเจอ กระปุกครีม สวย ๆ เรียงกันเต็มไปหมด การจัดวางข้อมูลที่ลงตัวจะช่วยให้แบรนด์ของเราโดดเด่นขึ้นมาได้ค่ะ

 

3. เลือกใช้ฟอนต์ให้เข้ากับแบรนด์

ฟอนต์หรือตัวอักษรที่เราเลือกใช้มีผลต่อความรู้สึกของลูกค้ามากกว่าที่คิดนะคะ ลองนึกดูว่าถ้าแบรนด์เราเป็นสกินแคร์ออร์แกนิก แต่เราใช้ฟอนต์แบบกราฟฟิตี้ก็คงจะดูขัดตาใช่ไหมคะ?

 

  • ฟอนต์แบบ Serif (มีเชิง) ให้ความรู้สึกหรูหรา น่าเชื่อถือ

 

  • ฟอนต์แบบ Sans Serif (ไม่มีเชิง) ให้ความรู้สึกทันสมัย มินิมอล อ่านง่าย

 

  • ฟอนต์แบบ Script (เขียนด้วยลายมือ) ให้ความรู้สึกเป็นมิตร ดูน่ารักและเป็นธรรมชาติ

 

ที่สำคัญคือควรเลือกใช้ฟอนต์หลักไม่เกิน 2 แบบ เพื่อไม่ให้ฉลากของเราดูรกจนเกินไปค่ะ

 

4. ใช้โทนสีให้เป็นเรื่องเป็นราว

การใช้สีเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ค่ะ และถ้าเรามาจาก ร้านขายกระปุกครีม ที่มีลูกค้าหลายประเภท จะเห็นได้เลยว่าลูกค้าแต่ละกลุ่มมีความชอบสีที่แตกต่างกันไป

 

  • สีขาว, ดำ, เทา : ให้ความรู้สึกเรียบหรู คลีน มินิมอล

 

  • สีชมพู, ฟ้าอ่อน, เหลืองพาสเทล : ให้ความรู้สึกอ่อนโยน สดใส และน่ารัก

 

  • สีเข้ม เช่น น้ำเงินกรมท่า, เขียวเข้ม : ให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพ

 

ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะใช้สีอะไรดี ลองดูสีของคู่แข่งหรือสีที่เป็นเทรนด์ในตลาดก่อนก็ได้ค่ะ แต่ก็ต้องเลือกสีที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์เราจริง ๆ ด้วยนะ

 

5. อย่าลืมตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่งพิมพ์จริง

มาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ! หลังจากที่ออกแบบฉลากเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าเพิ่งรีบส่งโรงพิมพ์นะคะ ควรตรวจสอบทุกอย่างอย่างละเอียดอีกครั้ง

 

  • คำผิด : สะกดคำถูกต้องไหม

 

  • ขนาด : ขนาดของฉลากพอดีกับ กระปุกครีม ที่จะใช้หรือเปล่า

 

  • ความคมชัด : รูปภาพและโลโก้คมชัดไหม ถ้าขยายแล้วจะแตกหรือเปล่า

 

ลองเอาแบบมาให้เพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวช่วยดูอีกทีก็ได้ค่ะ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้วนะคะว่าฉลากเราจะไม่สวย เพราะแม้แต่ ร้านขายกระปุกครีม เองก็เข้าใจดีว่าการลงทุนแต่ละครั้งมีความหมายกับคนทำธุรกิจมากแค่ไหนค่ะ หวังว่าเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ทุกคนออกแบบฉลากได้อย่างสนุกและมั่นใจนะคะ!