ในยุคที่ตลาดสกินแคร์ไทยแข่งขันกันอย่างดุเดือด แบรนด์ไทยไม่เพียงแค่ยืนหยัด แต่ยังกลายเป็นตัวจริงในใจผู้บริโภค ท่ามกลางกระแสแบรนด์เกาหลี ญี่ปุ่น และยุโรป ทำไม “ครีมไทย” ถึงไปได้ไกล? คำตอบอยู่ในกลยุทธ์ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
แบรนด์ครีมไทยไม่ได้มีดีแค่ราคาน่ารัก แต่ยังมาพร้อมกลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่ธรรมดา มาดูเบื้องหลังความสำเร็จของ 3 แบรนด์ดังที่ทำให้ตลาดสกินแคร์สั่นสะเทือน
เรียนรู้วิธีคิด การวางตำแหน่งแบรนด์ และกลยุทธ์เข้าถึงผู้บริโภคแบบไทยๆ ที่ได้ผลจริง!
เบื้องหลังความสำเร็จของครีมแบรนด์ไทยหลายราย คือความเข้าใจลึกซึ้งในไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคคนไทย ตัวอย่างเช่นแบรนด์ Rojukiss, แม้ชื่ออาจฟังดูเกาหลี แต่กลับวางตำแหน่งแบรนด์ชัดเจนว่า “เพื่อสาวไทยโดยเฉพาะ” ทั้งสูตรที่ตอบโจทย์ผิวมัน-เป็นสิวง่าย และโทนสีโฆษณาที่เน้นผิวธรรมชาติแบบเอเชีย ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเข้าถึงง่าย และเชื่อใจได้
นอกจากนี้ Merrez’ca ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เข้าใจว่าคนไทยชอบอะไร “เนียนแต่แน่น” จึงเน้นการพัฒนาสูตรครีมที่มีการปกปิดในตัว ผสานเมคอัพเบสกับสกินแคร์เพื่อความสะดวกในชีวิตประจำวัน ผลลัพธ์คือการสร้างฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นและรีวิวปังทั่วโซเชียล

หลายแบรนด์ไทยประสบความสำเร็จเพราะไม่เพียงขายผลิตภัณฑ์ แต่สร้าง “ความเชื่อมโยงทางอารมณ์” กับผู้บริโภค เช่นแบรนด์ Smooto ที่โด่งดังจากการใช้พรีเซนเตอร์วัยรุ่น พร้อมภาพลักษณ์สนุก สดใส ราคาน่ารักจับต้องได้ และเนื้อผลิตภัณฑ์แบบซองที่พกพาสะดวก ตอบโจทย์กลุ่มวัยรุ่นและคนทำงานที่มองหาทางเลือกดีๆ โดยไม่ต้องเปลืองเงิน
แบรนด์เหล่านี้ยังเล่นกับ Storytelling อย่างชาญฉลาด เช่นการบอกเล่าที่มาของวัตถุดิบธรรมชาติ รีวิวจากผู้ใช้จริง และการตอบโต้กับคอมเมนต์บน TikTok หรือ Facebook แบบเรียลไทม์ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าแบรนด์ “ฟัง” ลูกค้าเสมอ และนั่นคือความรู้สึกที่แบรนด์ระดับโลกหลายรายยังสร้างไม่ได้ในระดับนี้
อีกจุดแข็งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “ความยืดหยุ่น” ของแบรนด์ไทยในการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา เวียดนาม ผ่านการปรับสูตรบ้าง ปรับบรรจุภัณฑ์บ้าง หรือแม้กระทั่งใช้พรีเซนเตอร์ท้องถิ่น สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์ไทยรู้วิธี “แปลภาษาความงาม” ให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในยุคโลกไร้พรมแดน
ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงแต่มีความสร้างสรรค์สูง แบรนด์ครีมไทยกำลังเติบโตในแบบของตัวเอง โดยไม่ต้องเลียนแบบตะวันตกหรือเกาหลี แต่เน้นการ “เข้าใจคน” มากกว่าการ “ขายของ” และนั่นคือเคล็ดลับที่ทำให้พวกเขาเติบโตอย่างยั่งยืน